ในการซื้อของต่างๆ ที่เป็นสินค้าที่ได้รับประกันหรือการันตีจากร้านค้าหรือบริษัทผู้ผลิต มักจะมีการให้ลงทะเบียนรับประกันสินค้าอยู่เสมอๆ ใช่มั้ยล่ะครับ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็จะมีกฎเกณฑ์แยกย่อยที่เกี่ยวกับการเงื่อนไขในการรับประกันและ “การหมดประกัน” ซึ่งคาดว่าหลายๆ ท่านอาจไม่ทราบกันครับ วันนี้เราจึงอยากพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “4 สิ่งที่จะทำให้ประกันขาด” ที่เราจะนำมาแนะนำทุกๆ ท่านกันครับ จะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น…เราไปชมกันดีกว่าครับ

การรับประกันคืออะไร?

การประกันภัย (Insurance) เป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเมื่อเกิดความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินต่างๆ ที่ได้ทำประกันภัยไว้ ด้วยการเฉลี่ยหรือการกระจายความเสียหายไปยังสมาชิกที่ทำประกันภัย โดยมีบริษัทประกันภัยเป็นผู้ทำหน้าที่เก็บเบี้ยประกันและชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ตามที่ระบุไว้ในสัญญา ทั้งนี้การทำประกันภัย เป็นการตกลงร่วมกันระหว่างบุคคล 2 ฝ่าย คือ ผู้รับประกันภัย (บริษัทประกันภัย) กับผู้เอาประกันภัย (ลูกค้า) โดยมีการจัดทำข้อตกลงขึ้นในลักษณะของสัญญาประกันภัย หรือเรียกว่า “กรมธรรม์ประกันภัย” ซึ่งคู่สัญญาต่างมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบต่อกันและกัน ผู้รับประกันภัยมีหน้าที่คุ้มครองผู้เอาประกันภัย เมื่อเกิดการสูญเสียหรือมีความเสียหายเกิดขึ้นต้องชดเชยให้กับผู้เอาประกันภัยตามรายละเอียดที่ระบุไว้ในสัญญา ขณะเดียวกันผู้เอาประกันภัยก็มีหน้าที่ชำระเบี้ยประกันภัย (Premium) ตามที่ระบุไว้ในสัญญา เพื่อให้ความคุ้มครองดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

ผู้เกี่ยวข้องกับสัญญาประกันภัยมีฝ่ายใดบ้าง?

ผู้รับประกันภัย (Insurer) เป็นบริษัทประกันภัยที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีหน้าที่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยจากภัยที่เกิดขึ้นตามเงื่อนไขในสัญญา

ผู้เอาประกันภัย (Insured) หรือผู้ถือกรมธรรม์ (Policy Holder) เป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ มีหน้าที่ส่งเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้รับประกันภัยจนครบกำหนดตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญา

ผู้รับผลประโยชน์ (Beneficiary) เป็นบุคคลที่ถูกระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย ให้เป็นผู้ได้รับค่าสินไหมทดแทน ซึ่งผู้รับผลประโยชน์สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความต้องการของผู้เอาประกันภัย

4 สิ่งที่จะทำให้ประกันขาดหรือไม่คุ้มครอง

·ไม่มีใบขับขี่ เพราะกฏหมายกำหนดไว้ว่าผู้ขับขี่รถยนต์ทุกคน ต้องมีใบขับขี่ ดังนั้นหากว่าเราไม่มีใบขับขี่ก็ถือว่าเราทำผิดกฏหมาย หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น มีสิทธิที่ประกันจะไม่ให้ความคุ้มครองด้วย ซึ่งเราควรศึกษาและทำความเข้าใจในรายละเอียดของประกันที่จะเราทำให้ดี แต่ทางที่ดีเราควรต่อใบขับขี่อย่างสม่ำเสมอ ไม่ให้ขาดจะเป็นดีที่สุด

·ไม่มี พ.ร.บ. เพราะ พ.ร.บ.รถยนต์ยิ่งถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยทีเดียว หากเป็นผู้ขับขี่รถยนต์ เพราะหากถูกตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีจะถูกค่าปรับไม่เกิน 10,000 บาท รวมถึงหาไม่มี พ.ร.บ. ก็จะไม่สามารถต่อภาษีรถได้ และที่แย่ที่สุดคือประกันภัยรถยนต์จะไม่คุ้มครองในกรณีเราไม่มี พ.ร.บ. อีกด้วย ดังนั้นเราไม่ควรลืมที่จะต่อ พ.ร.บ. ไว้เสมอเพื่อประโยชน์ของตัวเราเองครับ

·ติดตั้งแก๊ส LPG หรือ NGV ต้องแจ้งประกัน หากเรามีการติดตั้ง ระบบแก๊ส LPG หรือ NGV เพื่อช่วยประหยัดค่าเชื้อเพลิงรถ เราก็ต้องแจ้งให้บริษัทประกันภัยรู้ให้รับรู้ด้วย เพราะการติดตั้งระบบแก๊สถือเป็นการต่อเติมรถชนิดหนึ่ง ดังนั้นหากเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้รถและมีเหตุมาจากระบบแก๊สที่ติดตั้งเพิ่มเติมนี้ หากเราไม่ได้แจ้งทางบริษัทประกันไว้ความเสียหายส่วนนี้ประกันจะไม่คุ้มครอง ดังนั้นเมื่อมีการติดตั้ง เราก็ควรแจ้งกับทางบริษัทประกันให้รับทราบเพื่อที่จะได้ให้ความคุ้มครองคุณเมื่อเกิดเหตุขึ้นได้

·มีการต่อเติมโครงสร้างเพิ่มจากดั้งเดิม หากรถเรามีการต่อเติมหรือแต่งรถที่เป็นส่วนโครงสร้าง โครงเหล็กหรือหลังคาของรถเพิ่มเติม หลังจากทำประกันภัยรถยนต์ เราต้องรีบแจ้งให้ทางบริษัทประกันรู้ทันที เพราะหากเราไม่แจ้ง เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นส่วนที่ถูกต่อเติมที่หลังจะไม่ได้รับการคุ้มครอง เราต้องดูแลเอง แต่หากเราแจ้งกับทางบริษัทประกัน ก็อาจจะมีการขอเรียกเบี้ยประกันเพิ่มเติมตามสัดส่วนที่มีการต่อเติมเพิ่ม และให้ความคุ้มครองส่วนนี้ด้วย

และนี้ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับ “4 สิ่งที่จะทำให้ประกันขาด” ที่มาพร้อมกับข้อมูลเกี่ยวกับประกันภัยที่เราได้รวบรวมมากฝากทุกๆ ท่านกันในข้างต้นนี้ หวังว่าจะเป็นแนวและเป็นความรู้พื้นฐานที่น่าสนใจกันนะครับ