เทคนิคการเลือกเบี้ยประกันหรือการซื้อประกันดี

เทคนิคการเลือกเบี้ยประกันหรือการซื้อประกันดี

หากว่ากันด้วยเรื่องของ “ประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพ” แล้วหล่ะก็…มีมากมายหลายแผนและหลายราคาเบี้ยประกันให้เราเลือกกันตามความต้องการของแต่ละท่านกันเลยหล่ะครับ ซึ่งในบทความนี้จะขอพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “เทคนิคการเลือกเบี้ยประกันหรือการซื้อประกันดี”กันครับ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา เราไปค้นหาคำตอบกันเล้ย!!!

6 เทคนิคการเลือกซื้อประกันที่เหมาะสมกับเบี้ยประกันที่เราจ่ายไหว

พิจาณาวงเงินความคุ้มครอง ควรมีความคุ้มครองขั้นต่ำราว 3 – 5 ล้านบาท เพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลทั้งโรคทั่วไปและโรคร้ายแรง และสามารถรักษาในโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำได้

ทำความเข้าใจรูปแบบความคุ้มครอง ซึ่งหลักๆ แล้วจะถูกแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ แบบเหมาจ่ายต่อปี เหมาะกับผู้ที่ต้องการทำประกันสุขภาพเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยเรื้อรังจากโรคเดียวกันที่มีค่าใช้จ่ายสูงและต้องใช้ระยะเวลารักษานาน แบบเหมาจ่ายต่อครั้ง รูปแบบนี้จะกำหนดวงเงินค่ารักษาพยาบาลต่อครั้งในการเข้ารับการรักษา แต่ไม่จำกัดวงเงินต่อปี เหมาะกับผู้ที่ต้องการปิดความเสี่ยงค่ารักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วยบ่อยครั้ง หรือหลายโรคที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันภายในปีกรมธรรม์เดียวกัน

ค่าห้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล หากต้องการให้ครอบคลุมคุณภาพการรักษาพยาบาลระดับโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำก็ควรเลือกแผนประกันสุขภาพที่มีค่าห้องผู้ป่วยปกติต่อวันอย่างน้อย 8,000-10,000 บาทขึ้นไป และควรเผื่อในส่วนของการรักษาตัวในห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน (ICU) ด้วย

ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD) ผู้ที่ไม่มีสวัสดิการบริษัทจำเป็นต้องมีความคุ้มครองส่วนนี้

ลักษณะสัญญาการต่ออายุความคุ้มครองแบบปีต่อปี ควรเลือกทำประกันที่การันตีการต่ออายุ เพื่อเป็นหลักประกันว่าการรักษาจะมีความต่อเนื่องและสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้จนกว่าจะหายเป็นปกติ

พิจารณาอายุสูงสุดที่เราวางแผนไว้ ที่บริษัทจะต่ออายุกรมธรรม์ เพราะหลังเกษียณเป็นช่วงที่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลมากกว่าก่อนเกษียณ แนะนำว่าควรเลือกแบบประกันที่สามารถต่ออายุได้เทียบเท่ากับอายุขัยเฉลี่ยของคนไทยหรือประมาณ 80 ปีเป็นอย่างน้อย

ประกันสุขภาพมีกี่แบบ

การประกันสุขภาพ คือ การประกันภัยที่บริษัทประกันภัยตกลงที่จะชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น จากการรักษาพยาบาลของผู้เอาประกันภัย ไม่ว่าค่ารักษาพยาบาลนั้นจะเกิดขึ้นจากการเจ็บป่วยจากโรคภัย หรือการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุให้แก่ผู้เอาประกันภัย ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ การประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพหมู่และการประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพรายบุคคล ทั้ง 2 ประเภท ให้ความคุ้มครองที่เหมือนกัน

ประโยชน์ของการทำประกัน

1. ประโยชน์ต่อผู้เอาประกันภัย ให้ความคุ้มครองทำให้เกิดความมั่นใจในชีวิตและทรัพย์สินของผู้เอาประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อน เป็นหลักประกันต่อบุคคลและครอบครัวของผู้เอาประกันภัย เช่น กรณีผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต ทายาทหรือผู้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินชดเชยจำนวนหนึ่ง ทำให้ไม่ต้องเป็นภาระแก่ผู้อื่น

2. ประโยชน์ต่อธุรกิจ ก่อให้เกิดความมั่นคงในการประกอบธุรกิจ ในกรณีที่เกิดความเสียหายขึ้นไม่ว่าจะเกิดกับทรัพย์สินหรือชีวิตของเจ้าของกิจการ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากในการดำเนินธุรกิจไม่ว่าจะขนาดใหญ่หรือขนาดเล็กย่อมดำเนินอยู่บนความเสี่ยง หากมีการกระจายความเสี่ยงไปให้ผู้รับประกันภัยช่วยรับภาระแทน ก็จะทำให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจในการดำเนินธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานมากยิ่งขึ้น

3. ประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม ช่วยแบ่งเบาภาระของสังคมและลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการสงเคราะห์จากภาครัฐ ทำให้สังคมมีหลักประกันความปลอดภัย มีความมั่นใจว่าเมื่อเกิดอุบัติภัยและความเสียหายขึ้นผู้ประสบภัยจะได้รับการชดเชยค่าสินไหมทดแทน เช่น หากบ้านผู้เอาประกันภัยเกิดไฟไหม้ทำให้สูญเสียทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับจากบริษัทประกันภัยก็สามารถนำมาสร้างบ้านใหม่และใช้ในการดำรงชีพต่อไป ไม่ต้องเป็นภาระสังคมในการให้ความช่วยเหลือ เป็นต้น

และนี้คือข้อมูลเกี่ยวกับ “เทคนิคการเลือกเบี้ยประกันหรือการซื้อประกันดี” ที่เราได้นำมาฝากทุกๆ ท่านกันในบทความนี้ เราหวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็

Cathy Fowler